ปัจจัยกำหนดลักษณะของระบบนิเวศ

            สิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งในแต่ละระบบนิเวศย่อมเกิดขึ้นหรืออาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ดังนั้นจึงมีปัจจัยหลายประการที่เป็นสิ่งกำหนดลักษณะของระบบนิเวศ  ปัจจัยสำคัญ  ได้แก่
                               1.  อุณหภูมิ เป็นเครื่องกำหนดชนิดของพืชและสัตว์ว่ามีชนิดใดอยู่บ้าง เพราะอุณหภูมิมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของออกซิเจนในน้ำ การเปลี่ยนแปลงรูปพรรณสัณฐานและสรีระวิทยาของสิ่งมีชีวิต  การอพยพของสัตว์  การแพร่กระจายของพืชและสัตว์ในพื้นที่ต่าง ๆ  และควบคุมชนิดของไข่  และอัตราส่วนเพศในสัตว์บางชนิด


                               2.  น้ำและความชื้น  พืชและสัตว์ มีการถ่ายเทไอน้ำให้กับอากาศอยู่เสมอ  บริเวณที่อากาศมีความชื้นต่ำ ร่างกายจะมีการถ่ายเทน้ำให้กับอากาศมากขึ้น  ส่วนพืชจะมีการถ่ายเทน้ำให้กับอากาศอยู่เสมอ  ระบบนิเวศที่มีความชื้นมากมักจะมีพืชและสัตว์อาศัยอย่างหนาแน่นทำให้มีโอกาสประสานสัมพันธ์ในการถ่ายทอดวัตถุธาตุและพลังงานให้แก่กันได้มากขึ้น


                               3.  แสงสว่าง  มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เป็นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์  ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ  เพราะทำให้การถ่ายเทวัตถุธาตุต่าง ๆ  อิทธิพลของแสงสว่างที่มีต่อสิ่งมีชีวิต  เช่น  คุณภาพแสงมีผลต่อการงอกของเมล็ด ช่วงแสงมีผลต่อการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ของพืชหลายชนิด  ความเข้มแสงมีผลต่อการสังเคราะห์แสง
                              4.  ดิน   เป็นที่รวมของธาตุอาหารต่าง ๆ เช่น  แคลเซียม  ไนเตรท  ฟอสฟอรัส  และยังเป็นแหล่งปุ๋ยธรรมชาติ  คือ  เมื่อสิ่งมีชีวิตตายลงก็จะถูกย่อยสลายกลายเป็นฮิวมัส เพิ่มความอุดมสมบูรณ์แก่ดิน ดินที่มีลักษณะความสมบูรณ์หรือมีธาตุอาหารแตกต่างกันย่อมมีผลต่อพืชและสัตว์ที่อาศัยดินนั้นดำรงชีวิตอยู่ในแง่ของชนิด จำนวน  การแพร่กระจาย การเจริญเติบโต  เช่น  บริเวณดินเค็มก็จะมีพืชพวกทนเค็มขึ้นอยู่


                               5.  ไฟป่า   มีทั้งผลดีและผลเสียต่อสิ่งมีชีวิต  ผลเสียคือ เป็นอันตรายโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิต ทำลายแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย  สร้างผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ  เช่น  ดิน  น้ำ  อันจะส่งผลถึงการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต  ส่วนผลดีของไฟป่าคือ  ช่วยเพิ่มธาตุอาหารบางชนิดให้พืชช่วยเร่งการงอกของเมล็ดพืชบางชนิด
                               6. ความเป็นกรดเป็นด่าง มีความสำคัญต่อกระบวนการหายใจและระบบการทำงานของเอนไซม์ ภายในร่างกาย  ซึ่งเป็นตัวการที่สำคัญมาก เพราะตัวความเป็นกรดหรือด่างเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ยังมีความ สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชด้วย


                               7. การแย่งชิง เป็นการแย่งชิงกันระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกัน เนื่องจากมีความต้องการปัจจัยพื้นฐานเหมือนกันแต่มีจำนวนจำกัด หรือมีไม่เพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้เป็นปกติ  เช่น  การแย่งชิงน้ำ  อาหาร  แสงสว่าง  ที่อยู่อาศัย   เช่น การที่พืชสองชนิดขึ้นอยู่ใกล้เคียงกันจะแก่งแย่งกันครอบครองพื้นที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร  บางครั้งฝ่ายที่อ่อนแอกว่าจะถูกแก่งแย่งจนตายไป
                               8.  การกินซึ่งกันและกัน   เป็นการที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งกินสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เป็นอาหารมีผลต่อการควบคุมจำนวนของสัตว์ในแต่ละระบบนิเวศเพื่อให้เกิดความสมดุล ระบบนิเวศที่ขาดความสมดุลในเรื่องการกินซึ่งกันและกัน มีผลทำให้เกิดปัญหา  เช่น  ไร่ข้าวโพดมีตั๊กแตนมากินและทำลายข้าวโพดเสียหาย ถ้าไม่มีสัตว์อื่นมากินตั๊กแตน  ก็จะทำให้ตั๊กแตนแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว  เกิดเสียสมดุลทางธรรมชาติ


                               9.  มลภาวะ  เป็นปัจจัยที่เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดลักษณะของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในระบบนิเวศ  การเกิดมลภาวะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหรือระบบนิเวศที่ไม่พึงประสงค์  ซึ่งเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่